New Mazda 3 SkyActive 2017
รูปทรงเฉี่ยว..ฟิลลิ่งขับสนุกหนึบแน่น

LINE it!

     ถึงมาสด้า 3 จะไม่ใช่รถขายดีของค่ายมาสด้า แต่เป็นรถสปอร์ตซีดานที่น่าขับใช้งานด้วยรูปโฉมที่โฉบเฉี่ยวเกินหน้าคู่แข่ง และล่าสุดได้ส่ง New Mazda 3 รุ่นไมเนอร์เชนท์ ออกมากระตุ้นตลาดด้วยรูปทรงที่ไม่ต่างจากเดิม ภายในปรับแต่งบางส่วนให้ลงตัว แต่ที่เพิ่มเติมเทคโนโลยีความปลอดภัยให้เต็มที่ โดยเฉพาะ G-Vetor ที่เป็นจุดขาย ส่วนขุมพลังแรงดีอยู่แล้วขนาด 2000 ซีซี.ที่ให้ทั้งกำลังแรงม้าและแรงบิดมามากพอ ซึ่งส่งผลให้ขับสนุกในอารมณ์ที่ต้องการ   



ขยับโฉมใหม่บางส่วน 

     เมื่อมองดูรูปทรงภายนอกโดยรวมแทบจะไม่ต่างจากรุ่นเดิม แต่มาดูในรายละเอียดจะเห็นว่าหลายจุดมีการปรับปรุงดีไซน์ใหม่ เพื่อให้มีความเป็นสปอร์ตมากยิ่งขึ้นด้วยการปรับกรอบโครเมียมที่กระจังหน้าให้สั้นลง(รุ่นเดิมกรอบกระจังหน้าจะยาวแนบขอบไฟหน้า )  ส่วนกันชนหน้าปรับเล็กน้อยช่องดักลมตรงกลางแคบลง ขณะไฟหน้าโปรเจคเตอร์แบบ LED ที่มาพร้อม Daytime Running Light ดีไซน์ใหม่ รวมไปถึงไฟตัดหมอกคู่หน้าแบบ LED ที่ดีไซน์ทรงกลมมีขนาดเล็กกว่าเดิม 




     มาที่ด้านข้างมีการออกแบบไฟเลี้ยวใหม่บนกระจกมองข้างให้เรียวยาวกว่าเดิม พร้อมกับล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้วสไตล์เดิม แต่แต่งใหม่ด้วยสีเทาเข้มเคลือบประกาย   ส่วนรุ่น 2.0E กับ รุ่น 2.0S จะเป็นล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้วลายเดิม ขณะที่ด้านท้ายได้ออกแบบกันชนหลังใหม่เฉพาะรุ่นแฮทช์แบ็คเท่านั้น โดยปรับแต่งให้มีเส้นสายเพิ่มขึ้น ส่วนรุ่นซีดานยังเป็นทรงเดิม ทั้งนี้เพราะรุ่นแฮทช์แบ็คขายดีกว่านั้นเอง 



ภายในสปอร์ตเท่ทูโทน 

     เมื่อเข้ามาดูภายในห้องโดยสารได้เลือกใช้สีแบบทูโทน  โดดเด่นด้วยเบาะหนังทูโทนน้ำตาล-ดำ หรูหรายิ่งขึ้นกับแผงประตูที่เพิ่มวัสดุสีเงิน สีดำวาว Piano Black และคอนโซล พวงมาลัย มาตรวัดความเร็ว ดีไซน์รูปแบบใหม่ อีกทั้งจอ Active Driving Display เปลี่ยนเป็นแบบสีเพื่อการแสดงข้อมูลที่ชัดเจน และสะดวกสบายด้วยจอ Center Display ดีไซน์ใหม่แบบ Touch Screen ขนาด 7 นิ้ว และเพิ่มระบบเบรคมือไฟฟ้า (Electric Parking Brake)




ปลอดภัย i-ACTIVSENSE


     หากกล่าวถึงระบบความปลอดภัยต้องยอมรับมาสด้า 3 มีมาให้เต็มคัน ซึ่งมาพร้อมกับเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยด้วยการเพิ่มฟังชั่นก์ความปลอดภัยใหม่ เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ ไม่ว่าจะเป็น ALH (Adaptive LED Headlamps) ระบบไฟหน้า LED อัจฉริยะ ปรับการทำงานของไฟสูง-ต่ำ แยกอิสระซ้าย-ขวา

     MRCC (Mazda Radar Cruise Control) ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ พร้อมปรับระยะห่างที่ปลอดภัยจากรถคันหน้า พร้อมกับ SBS (Smart Brake Support) ระบบเตือนการชนด้านหน้าและช่วยเบรกอัตโนมัติ แถมด้วย DAA (Driver Attention Alert) ระบบช่วยเตือนเมื่อผู้ขับเหนื่อยล้าขณะขับขี่    



     ขณะเดียวกันยังมี LAS (Lane-Keep Assist System) ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน คู่กับ LDWS (Lane Departure Warning System) ระบบเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลน  พร้อมด้วย SCBS (Smart City Brake Support) ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติ  และ SCBS-R (Smart City Brake Support-Reverse) และระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติขณะถอยหลัง



     นอกจากนี้ยังมี  ABSM (Advanced Blind Spot Monitoring) ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน กับ RCTA (Rear Cross Traffic Alert) ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง  พร้อมด้วยถุงลมนิรภัยคู่หน้า กับ ม่านถุงลมนิรภัย  ส่วนระบบเบรก ABS/EBD มีให้ครบ เช่นเดียวกับระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว DSC กับระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TRC และระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HLA แถมระบบสัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติ ESS และกระจกมองหลังตัดแสงอัตโนมัติ เรียกว่าใส่ระบบความปลอดภัยมาให้แบบจุใจ  

สมรรถนะการขับขี่ 

     ทางด้านขุมพลังของ Mazda 3 ใหม่เป็นเครื่องยนต์เบนซิน SKYACTIV-G ความจุ 2.0 ลิตร พร้อมระบบวาล์วแปรผันอัจฉริยะ Dual S-VT ให้กำลังสูงสุด 165 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที กับแรงบิดสูงสุด 210 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที พร้อมเกียร์อัตโนมัติ SKYACTIV-DRIVE แบบ 6 สปีด กับโหมดเกียร์ธรรมดา Activematic และรองรับน้ำมันทางเลือกสูงสุด E85



    ในการทดสอบรถ New Mazda 3 มีให้ได้ขับทั้งรุ่นซีดานและรุ่นแฮทช์แบ็ค  โดยเลือกใช้เส้นทางกรุงเทพฯ –เขาใหญ่ นครราชสีมา  ซึ่งมีระยะทางไปกลับประมาณ 400 กว่ากม. และในรถแต่ละคันจะมีผู้ทดสอบรถจำนวน 3 คน  ทำให้ได้รับรู้ถึงสมรรถนะการทดสอบที่ไม่ต่างจากขับรถใช้งานทั่วไป เพราะในรถคันหนึ่งมีผู้โดยสารรวมกับคนขับเป็น 3 คนจัดว่ากำลังดี และพอดีรุ่นนี้พกขุมพลังเครื่องขนาด 2000 ซีซี.จึงทำไปได้แบบสบาย ๆ สามารถตอบสนองอัตราเร่งได้อย่างต่อเนื่อง จะสปีดแซงรถคันอื่นทำได้ทันใจ ที่สำคัญช่วงล่างเซ็ทมาเพื่อรองรับให้ขับสนุกยิ่งขึ้น 



    ช่วงแรกของการขับทดสอบมาสด้า 3 ใหม่รุ่น 2.0 SP รับรู้ได้ตั้งแต่ออกตัวที่ให้กำลังเร่งออกไปได้ดีอย่างน่าพอใจ ถึงแม้จะต้องบรรทุกน้ำหนักถึง 3 คนก็ตามแต่แรงบิดก็เพียงพอที่ลากตัวรถให้พุ่งออกไปได้ พร้อมกับกำลังจากเครื่องยนต์ที่ปล่อยออกมาอย่างต่อเนื่อง ควบคู่กับการทำงานของเกียร์อัตโนมัติที่มีอัตราทดที่ชิดกันทำให้จังหวะในการเปลี่ยนเกียร์ทำได้ฉับไวไหลลื่นไม่มีอาการสะดุดให้รู้สึกเลย 

     และจากการทำงานของเกียร์ที่มีประสิทธิภาพทำให้รถสามารถวิ่งทำความเร็วได้ดีขึ้น ยิ่งช่วงความเร็วรอบกลาง ๆ ระหว่าง 80-120 กม./ชม. จัดเป็นระดับความเร็วที่รถลอยตัวแล้วทำให้กำลังที่ส่งออกมาทำได้เต็มที่  แค่พักเดียวขึ้นไปที่ 100 กม./ชม.ได้แบบสบาย ๆ หรือจะเติมคันเร่งให้ความเร็วเพิ่มขึ้นไปอีกก็สั่งได้ทันทีเผลอนิดเดียวมาตรวัดไปอยู่ที่ 140 กม./ชม.แล้วแต่ขณะเดียวกันก็มีเสียงลมเล็ดลอดเข้ามาบ้างแต่ไม่น่ารำคาญเท่าไหร่  


 
      ระหว่างทางที่ขับมาสด้า 3 ใหม่ถ้านึกอยากขับให้สนุกยิ่งขึ้นก็มีโหมดให้เลือกถึง 2 แบบ ไม่ว่าจะเป็นการปรับโหมดธรรมดาผ่านแป้น Paddle Shift ที่พวงมาลัย หรือจะปรับโหมดสปอร์ตที่สั่งงานผ่านปุ่ม Drive Selection เรียกว่ามีลูกเล่นให้ขับสนุกได้เต็มที่  และเมื่อหันมาใช้โหมดเปลี่ยนเกียร์แบบแพดเดิ้ลชิฟ ยิ่งง่ายใหญ่เพราะแค่ขยับนิ้วมือก็สามารถเปลี่ยนเกียร์ได้แล้วและสามารถลากรอบให้สูงกว่าเดิมราว 2,000 กว่ารอบที่ช่วยให้เรียกกำลังออกมาได้เร็วขึ้น  หรือจะหันมาเล่นโหมดสปอร์ตก็ขับสนุกทันใจได้ทันที 

     และถ้าบางช่วงต้องทำเวลาเลยใช้ความเร็วมากหน่อย แต่มั่นใจได้กับช่วงล่างของมาสด้า ซึ่งจัดว่าเป็นจุดขาย โดยด้านเป็นแบบอิสระแม็คเฟอร์สันสตรัทพร้อมเหล็กกันโคลง กับด้านหลังแบบอิสระมัลติลิงค์ พร้อมเหล็กกันโคลง ทำให้การขับบนทางเรียบด้วยความเร็วสูงประมาณ 140 กม./ชม.ยังสามารถทรงตัวได้นิ่งและให้ความนุ่มนวลไปพร้อม ๆกันเรียกว่าไม่เสียชื่อมาสด้า และยิ่งกว่านั้นเวลาขับผ่านสะพานไม่ต้องแตะเบรกแต่เร่งต่อเนื่องจะเห็นได้ว่าช่วงล่างยังสามารถซับแรงกระแทกกับถนนได้อย่างดีไม่มีอาการเป๋



     ส่วนทางโค้งนั้นมีให้ลองพอประมาณระหว่างเดินทาง เพียงแค่ควบคุมพวงมาลัยไปตามโค้ง จากนั้นปล่อยให้เป็นหน้าที่ของช่วงล่างที่สามารถทรงตัวรับกับโค้งได้เป็นอย่างดี และยิ่งขับง่ายขึ้นไปอีกเพราะรุ่นนี้มาพร้อมกับระบบ G-Vectoring Control ที่มาทำหน้าที่ประมวลผลจากองศาของพวงมาลัย ความเร็วของรถ และน้ำหนักเท้าที่กดลงบนแป้นคันเร่ง เพื่อช่วยควบคุมแรงบิดไปยังล้อคู่หน้าแต่ละล้อให้เหมาะสมในขณะเข้าโค้ง ซึ่งจะช่วยให้รถเข้าโค้งได้แม่นยำยิ่งขึ้น พร้อมทั้งลดอาการโคลงลงได้ จึงช่วยให้การขับเข้าโค้งเป็นเรื่องง่ายขึ้นและมีความมั่นใจยิ่งขึ้น     



    ขณะเดียวกันพวงมาลัยไฟฟ้า EPAS ที่จับกระชับมือหมุนง่ายเบามือ จึงช่วยให้ขับคล่องตัวไม่ว่าจะใช้งานในเมืองหรือออกต่างจังหวัด เพราะเวลาเร่งแซงเปลี่ยนเลนแค่หมุนพวงมาลัยนิดเดียวก็รับรู้ได้ว่าให้แม่นยำที่ดี     ส่วนระบบเบรกเป็นแบบดิสก์เบรกทั้ง 4 ล้อ ซึ่งเหมาะกับรถสปอร์ตซีดานแบบนี้เพราะไม่ว่าจะขับเร็วแค่ไหนแต่สามารถชะลอความเร็วได้ทันใจ หรือแม้กดเบรกแรงเพื่อสั่งให้หยุดก็ทำได้โดยที่ตัวรถยังคงนิ่ง 




    เมื่อมาถึงสนามบินส่วนตัวที่เรนโชชาญวี  จ.นครราชสีมา ทางมาสด้าได้จัดปรับสนามบินให้เป็นสนามทดสอบจุดเด่นของรถรุ่นนี้นั้นคือ ระบบ G-Vectoring Control  โดยลองขับในแบบสลาลม  ซึ่งมีให้เปรียบเทียบระหว่างมาสด้า 3 รุ่นเดิม กับมาสด้า 3 ใหม่ ว่าจะมีความแตกต่างกันมากน้อยแค่ไหน ซึ่งกำหนดให้ใช้ความเร็วไม่มากที่ 40 กม./ชม.กับ 60 กม./ชม.และเมื่อลองเทียบกันดูถึงได้รู้ว่ามาสด้ารุ่นเดิมมีอาการโยนพอตัวในการขับเปลี่ยนเลนเร็วๆ  แต่พอเทียบกับมาสด้า 3 ใหม่จะรู้ได้ทันทีว่าไม่มีอาการโยนให้รู้สึก ที่สำคัญพวงมาลัยหักเลี้ยวได้อย่างแม่นยำฉับไวและพลิกพลิ้วไปตามทางได้อย่างมั่นใจ  เรียกว่าถ้าเจอทางโค้งเมื่อไหร่สนุกเร้าใจเมื่อนั้น    



    จากนั้นได้มาทดสอบระบบ MRCC หรือ Mazda Radar Cruise Control ที่ช่วยปรับความเร็วตามคันหน้าโดยอัตโนมัติ เพียงแค่ตั้งความเร็วที่ต้องการไว้ และไม่ต้องเหยียบคันเร่ง  จากนั้นรถจะคอยตรวจสอบระยะห่างระหว่างคันหน้าอยู่ตลอดเวลา หากรถคันหน้าชะลอช้าลง ระบบ MRCC ก็จะสั่งให้ชะลอความเร็วตามคันหน้าด้วยเช่นกัน แต่ถ้ารถคันหน้าชะลอความเร็วลงต่ำกว่าประมาณ 20-25 กม./ชม. ระบบ MRCC จะตัดการทำงานออกไปอัตโนมัติพร้อมสัญญาณแจ้งเตือนบนหน้าปัด 



     สำหรับราคาค่าตัว Mazda3 Sedan  ที่มีให้เลือก 4 รุ่นคือ รุ่น 2.0SP  ราคา  1,119,000 บาท  รุ่น 2.0S  ราคา  988,000 บาท รุ่น 2.0C ราคา 928,000 บาท และรุ่น 2.0E  ราคา 847,000 บาท  ส่วน Mazda 3  Hatchback  มีให้เลือก 4 รุ่นคือรุ่น 2.0SP Sports ราคา 1,119,000 บาท  รุ่น 2.0S Sports ราคา 988,000 บาท  รุ่น 2.0C Sports ราคา  928,000 บาท และรุ่น 2.0E Sports  ราคา 847,000 บาท

     สรุปโดยรวมถึงรูปทรงจะไม่ต่างเดิมมากนัก แต่ความโฉบเฉี่ยวยังมีเต็มร้อย และภายในได้ปรับแต่งสีสันให้มีอารมณ์สปอร์ตมากขึ้น พร้อมกับสิ่งที่มาสด้าต้องการให้มากกว่า นั้นคือ ระบบ G-Vectoring Control ซึ่งเป็นจุดเด่นที่จะมาช่วยให้มีความสนุกในการขับขี่มากขึ้น ส่วนสมรรถนะขุมพลังแรงมากพอที่จะส่งให้อัตราเร่งทันใจได้อย่างที่ต้องการ  

ขอบคุณ : ผู้บริหารและฝ่ายประชาสัมพันธ์บริษัท มาสด้า ที่เชิญทดสอบรถ  

แกลเลอรี่ :

คำค้น : มาสด้า3ใหม่ ,มาสด้า ,New Mazda 3 SkyActive 2017 , New Mazda 3 2017 ,New Mazda 3 ปี 2017 New Mazda 3 รุ่นล่าสุด, รถMazda 3 รุ่นใหม่ , รีวิว Mazda 3 ปี 2017 ,ทดสอบมาสด้า 3 ใหม่ ,ลองขับมาสด้า 3 ใหม่ ,รีวิวทดสอบมาสด้า 3ใหม่ ปี 2017 ,ทดสอบรถ New Mazda 3 ,ลองขับทดสอบ New Mazda 3 ,รีวิวทดสอบ New Mazda 3 , ทดสอบ Mazda 3 ใหม่ปี 2017 ,รีวิวลองขับ New Mazda 3